เทศน์เช้า

บวช

๒ ก.ค. ๒๕๔๔

 

บวช
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๔๔
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

บวชพระใหม่ไง การฉลองพระใหม่ การบวชมันได้บุญกุศล เราได้บุญกุศลเพราะว่าอะไร? เพราะว่าหลักศาสนานี่มันสูงสุด มันเป็นที่หลบภัยไง เมื่อก่อนเขามีภัยกัน เขาหลบภัยในศาสนานะ มาหลบภัยในศาสนา ภัยทางโลกเราก็เห็นอยู่ภัยทางโลก เขาหลบกันมาบวชแล้วยกเว้นหมดเลย แต่ภัยทางวัฏฏะสิ ภัยทางนั้นนะ อันนั้นยิ่งสำคัญกว่า

ทีนี้ว่าเราไม่ใช่หลบภัยขึ้นมา เรามีเจตนาบวชไง ความเจตนาของเราจะบวช เราบวชเป็นบุญกุศลมาก บุญกุศลเพราะอะไร? เพราะเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อของแม่มาค้ำศาสนา

การค้ำศาสนา...ตัวศาสนธรรม...ในศาสนานี้ ศาสนบุคคล ศาสนธรรม ศาสนสถาน เห็นไหม ตัวศาสนธรรมสำคัญที่สุด ตัวของศาสนา แล้วตัวศาสนานี้มันเป็นนามธรรม แล้วใครจะทรงไว้ล่ะ?

การบวชเรียนมันมาทรงศาสนาไว้ เอาเลือดเนื้อเชื้อไขเข้ามาศึกษาแล้วทรงศาสนาไว้ แล้วมีผู้สืบต่อๆ ไป สืบต่อๆ ไป การเอาเลือดเนื้อเชื้อไขมาค้ำศาสนาไว้ถึงเป็นบุญกุศลไง ลูกบวชออกจากโบสถ์ออกมา พ่อแม่ได้ ๑๖ กัป เห็นไหม ตามโบราณถึงว่าจับชายผ้าเหลืองของลูก มีลูกชายมีโอกาสได้บวช แต่ถ้ามีลูกสาวไม่มีโอกาสได้บวชมันก็ภาวนาได้

แต่บวชนี่เป็นประเพณีไง ประเพณี เห็นไหม ถ้าเราไม่ได้บวช เราเป็นผู้หญิงไม่ได้บวช มันก็เป็นแม่ของพระ

พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างวัด ดูสิ สร้างวัด ๘๔,๐๐๐ วัดนะ ยังว่า “ได้เป็นญาติกับศาสนาหรือยัง?”

“ยัง”

พระเจ้าอโศกไปถามพระในสมัยพุทธกาลไง ว่า “ท่านสร้างวัด ๘๔,๐๐๐ วัดเท่าพระไตรปิฎกเลย แล้วว่าเป็นญาติกับศาสนาหรือยัง?” นี่ศาสนวัตถุ

แต่พระสมัยนั้นตอบว่า “ยังไม่ได้เป็นญาติกับศาสนา”

“แล้วทำอย่างไรจะให้เป็นญาติกับศาสนา?”

“ถ้าเป็นญาติศาสนาต้องให้ลูกมาบวช”

พระมหินท์ถึงได้มาบวชไง แล้วเอาลูกออกมาเผยแผ่ศาสนา เผยแผ่มายังลังกา เป็นธรรมยุตออกมา

อันนี้ก็เหมือนกัน เอาลูกมาค้ำศาสนาไว้ เป็นญาติกับศาสนา เห็นไหม ลูกบวช เป็นแม่ของพระ ลูกพระอยู่ในศาสนา เวลามันนึกถึงลูก มันก็มีบุญกุศลขึ้นมาในหัวใจ พออกพอใจในบุญกุศลอันนั้น

บุญกุศลเป็นนามธรรม ศาสนธรรมเป็นนามธรรม ความสุขความเข้าใจของเราก็เป็นนามธรรม มันถึงเข้ากันได้กับเป็นบุญกุศลไง บุญกุศลเป็นนามธรรม อันนี้ก็เป็นนามธรรม พอเป็นนามธรรม นึกถึงลูกก็เป็นบุญทีหนึ่ง นึกถึงลูกเป็นบุญทีหนึ่ง ความสุขใจความพอใจอันนั้นเป็นบุญ

บุญคือความสุขใจพอใจ บุญอันนี้เป็นความยิ้มแย้มแจ่มใสในครอบครัว ครอบครัวเรามีความสุข ในครอบครัวอันนั้นจะเป็นความสุข นี่บุญเกิดอย่างนั้น เพราะหัวใจกินบุญกินนามธรรมเป็นอาหาร ร่างกายกินอาหารเป็นคำข้าว แต่หัวใจกินอารมณ์ กินความรู้สึกเป็นอาหาร บุญกุศลนี่เสริมใจขึ้นมา ใจจะเป็นบุญกุศลขึ้นมา แล้วพอใจนิ่งขึ้นมา ใจเป็นบุญกุศลขึ้นมา ใจมันจะทำอะไร ความคิดของใจออกไป มันจะชัดเจนไง ความชัดเจน ความแก้ไขของเรา เอาใจหยุดได้ก่อน

เวลาบวชนี่เป็นประเพณีวัฒนธรรม บวชลูกเข้ามา นี้ลูกบวชแล้วก็ต้องมาศึกษาไง หลบภัยในโลกเขา หลบภัยเข้ามา หลบภัยในศาสนา ในนั้นเป็นความสุขอยู่ แต่ถ้าหลบภัยเข้ามาแล้วไม่ได้ศึกษาไป ภัยในวัฏฏะ เห็นไหม เหมือนกับเราจะออกเรือไป เราออกเรือไปในทางทะเล เวลาทะเลปั่นป่วนขึ้นมา ปกติทะเลจะราบเรียบ เราก็ไปเราสะดวกสบาย

บวชเข้ามาในศาสนาก็เหมือนกัน มีความปกติความสุขของเราในศาสนา เพราะว่าปัจจัย ๔ เครื่องอยู่อาศัยโยมเขาเป็นคนอนุเคราะห์ดูแลของเรา เราก็ว่าทะเลราบเรียบมีความสุขไป แต่เวลาทะเลมันปั่นป่วนขึ้นมาล่ะ เวลาความทุกข์ในหัวใจมันเกิดขึ้นมา เห็นไหม นี่หลบภัยในศาสนา ให้มีเกาะ ถ้าเรือนี่ พวกกัปตันเรือเขาฉลาด เขาจะเอาเรือหลบเข้าเกาะ หลบเข้าที่พักเวลาเจอมรสุม

แต่ถ้าเราไม่มีหลักใจของเรา เราไม่มีเกาะไม่มีดอนในหัวใจ เห็นไหม หลักในหัวใจ คือมันถ้ามีเกาะมีดอน ทำความสงบของใจขึ้นมาได้ เวลาเกิดทะเลปั่นป่วนขึ้นมา มันก็รู้เวลาทะเลปั่นป่วน อารมณ์มันเกิดขึ้น อารมณ์มันพัดรุนแรงขึ้นมามันก็ปั่นป่วน แล้วก็เกาะมันดอนในหัวใจ หลักของใจ เอกัคคตารมณ์ จิตนี้เป็นสัมมาสมาธิ จิตนี้เป็นหนึ่ง เห็นไหม มันจับตัวของใจได้ มันรู้จักเราเอง

เราเองไม่รู้จักเราเองเลย จับใจของเราไม่ได้ เราว่าเป็นเราๆ แต่ใจอยู่ที่ไหนไม่เจอ

แต่บวชเป็นพระแล้วพยายามประพฤติปฏิบัติขึ้นมา หาหลักของใจให้ได้ มันจะมีเกาะมีดอนที่พักอาศัย มีเกาะมีดอนเวลาลมพัดขึ้นมา ทะเลปั่นป่วนขึ้นมา นี่หลบภัย ภัยในความสุขความทุกข์ในหัวใจ เวลาหัวใจมันปั่นป่วนขึ้นมา มันเป็นปัจจุบันธรรม มันเกิดกลางหัวใจขึ้นมา มันหลบได้ แล้วการเกิดและการตายล่ะ?

การเกิดและการตายในวัฏวน นี่การเกิดและการตาย ภัยในวัฏวนมันก็ยังมีวัฏวนอีก ถ้าเราสามารถชำระภัยอันนี้ได้หมด เห็นไหม ใจนี้มันสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมา ถ้าสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมา ในหลักของศาสนา ศาสนธรรมสั่งสอนสอนอย่างนั้นไง ในศาสนาพุทธสอนถึงที่สุด สอนถึงการสิ้นดับทุกข์

การสิ้นทุกข์ออกไปในหัวใจนั้นเป็นความปรารถนาของเราในศาสนา การทำบุญกุศลนี้เป็นอามิสทาน นี้เป็นเครื่องอยู่อาศัย รถจะมาที่นี่ได้ต้องเติมน้ำมันมา เห็นไหม บุญกุศลทำให้เราเกิดตายตลอดอนันตกาลที่ว่าชีวิตยังเกิดตายอยู่ก็อาศัยบุญกุศลนี่ไป อาศัยบุญกุศลเป็นที่ไปมันก็เกิดมาไม่ทุกข์ไม่ยากขึ้นมา

แต่ถ้าทำความถึงที่สุดของทุกข์ได้ในศาสนา แล้วเราเกิดมา เห็นไหม ในเทวดาเขาจะตายกัน เขาจะหมดอายุขัยของเขา เขาบอกว่า “ให้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วพบพระพุทธศาสนา”

อันนี้เราพบพระพุทธศาสนาแล้ว มันพบพระพุทธศาสนาด้วย แล้วเกิดในกาลอันสมควร ในประเทศนะ พระโสณะจะบวชในสมัยพุทธกาล เห็นไหม อยู่ในชนบทไม่มีพระบวชให้ รอถึง ๕ ปี ๑๐ ปียังไม่ได้บวช

แต่นี่เราเกิดในท่ามกลางของศาสนา การบวชก็ง่ายขึ้นมา ในหลักศาสนธรรมก็มีคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เราจะประพฤติปฏิบัติของเราไป บวชแล้วมันก็ศึกษาเล่าเรียนขึ้นไป มันก็ได้ทั้ง ๒ ฝ่ายไง ตามประเพณีวัฒนธรรมก็ได้ ตามประเพณีบวชให้พ่อแม่ได้บุญกุศลก็ได้บุญกุศลของพ่อแม่แล้ว พ่อแม่ได้บุญกุศลเพราะเกิดในประเทศอันสมควร ในหลักศาสนากำลังเจริญรุ่งเรือง

ลูกบวชเข้ามามีครูมีอาจารย์ เห็นไหม กึ่งพุทธกาลศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองอีกหนหนึ่ง ถ้ากึ่งพุทธกาลศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองอีกหนหนึ่ง นี่มีครูบาอาจารย์ไง ครูบาอาจารย์เป็นผู้ชี้นำขึ้นมา ลูกบวชแล้วก็ได้หลักของใจออกไป

ถ้าบวชแล้วนะได้หลักของใจออกไป ถึงเวลาออกไปนี่บริหารทิศ ทิศอะไร? ทิดที่สึกใหม่ ทิดที่สึกออกไป ทิดเพราะว่าเป็นสุข ทิดนี้เพราะว่าเป็นข้าว ข้าวนี่มันสุกขึ้นมาแล้ว มันสุกขึ้นมามันก็กินอาหารได้ ถ้าข้าวดิบมันก็เป็นว่าไม่มีประโยชน์

อันนี้หัวใจเหมือนกัน เป็นทิดเป็นผู้บัณฑิต เป็นผู้ศึกษา ออกไปใช้ชีวิตจะเข้าใจชีวิตนี้ ไม่ใช้ชีวิตไปตามประสาโลกเขา โลกเขาตามกระแสโลกเขา เขาหลอกลวง เห็นไหม การโฆษณาชวนเชื่อ การโฆษณาสินค้าต่างๆ หลอกให้เราซื้อหลอกให้เราเป็นไป เราก็ตื่นไปกับเขา แต่ถ้าเรามีหลักยืนยัน มีหลักของเรา เราจะใช้ชีวิตของเราพอสมควร ใช้ชีวิตของเราพอเป็นประโยชน์กับโลกด้วย ประโยชน์กับเราด้วย แล้วสมบัติที่เหลือใช้เป็นประโยชน์กับโลกทั้งนั้นเลย

ถ้าเรามีหลักใจ เราศึกษาในหลักศาสนา มันเป็นประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่ายไง ประโยชน์ในประเพณีวัฒนธรรมของพ่อแม่ของญาติพี่น้องก็ได้บุญกุศลแล้ว ประโยชน์ของตนล่ะ? ผู้บวชแล้วจะศึกษาเล่าเรียน (เทปสิ้นสุดเพียงเท่านี้)